จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

คาราเมลคัสตาร์ด



สิ่งที่ต้องเตรียม สำหรับทำซอสคาราเมล

           น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ

           น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ

           น้ำร้อน 2 ช้อนโต๊ะ

           ถ้วยกระเบื้องทาเนยให้ทั่วพิมพ์ 4 ถ้วย

วิธีทำ

          1. ใส่น้ำ และน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟปานกลาง รอจนน้ำตาลละลายเป็นคาราเมล หรือมีสีน้ำตาลเข้ม 

          2. ยกหม้อออกจากความร้อน จากนั้นรีบเติมน้ำร้อนลงไป 2-3 ครั้ง คนให้เข้ากัน เทส่วนผสมคาราเมลลงในก้นถ้วยกระเบื้องเล็กน้อย เตรียมไว้


สิ่งที่ต้องเตรียม สำหรับทำคัสตาร์ด

           ไข่ไก่ 2 ฟอง

           นมสด 250 กรัม

           น้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

          1. ใส่ไข่ไก่ลงในอ่างผสม ตีด้วยตะกร้อมือพอแตก เตรียมไว้

          2. เทนมสด และน้ำตาลทรายลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟ คนผสมจนน้ำตาลละลาย ยกลงจากเตา ค่อย ๆ เทลงในส่วนผสมไข่ คนผสมให้เข้ากัน 



 3. นำส่วนผสมคัสตาร์ดที่ได้กรองด้วยตะแกรง เทลงถ้วยที่มีซอสคาราเมลที่เตรียมไว้ ปิดถ้วยด้วยอะลูมิเนียมฟลอยด์


4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟ วางผ้าขนหนูไว้ด้านล่างของกระทะ วางถ้วยคัสตาร์ดลงไปบนผ้า เติมน้ำร้อนลงไปให้มีความสูงประมาณ ½ ของพิมพ์ ปิดฝากระทะ เปิดไฟเบา ๆ ใช้วิธีการนึ่งด้วยไอน้ำ นานประมาณ 20 นาที




5. ยกถ้วยออกจากเตา วางพักทิ้งไว้ให้คัสตาร์ดเย็นลง หรือนำเข้าแช่ตู้เย็น เวลาจะรับประทานให้ใช้ปลายมีดกรีดรอบ ๆ แล้วคว่ำใส่จาน พร้อมรับประทาน





          
          แค่นี้เราก็ได้คัสตาร์ดเนื้อนุ่ม ๆ หวานหอมคาราเมลแสนอร่อยพร้อมเสิร์ฟแล้ว ใครที่ชื่นชอบความหวานหอมของคาราเมลไม่ควรพลาดนะคะ

วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บูดูทรงเครื่อง

บูดูทรงเครื่อง

เครื่องปรุง 
น้ำบูดู น้ำตาลปิ๊บ หอมแดงซอย ข่าซอย ตะใคร้ซอย ใบมะกรูดซอย 
พริกขี้หนูสวนซอย มะนาว


วิธีปรุง 

เอาน้ำบูดู ผสมกับน้ำเปล่านิดหน่อย ใส่น้ำตาลปิ๊บ 
ตั้งไฟพอเดือดยกลง 


กรองเอากากออก


ใส่ตะไคร้ หอมแดง พริกขี้หนู ใบมะกรูดที่ซอยไว้ ปรุงรสด้วย 
น้ำมะนาว กุ้งสด ปลาย่าง ชิมรส



เสิร์ฟกับผักต่าง ๆ เช่น สะตอ ยอดมะม่วงหิมพานต์ แตงกวา
มะเขือ ถั่วฝักยาว  



แค่นี้ก็หร๋อยจังฮู้




วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ทำไมต้องถือศิลอด


บทความโดยอาจารย์บรรจง  บินกาซัน  
ประธานโครงการอบรมผู้สนใจอิสลาม มูลนิธิสันติชน


ตลอดเดือนกันยายนนี้ ถ้าหากใครได้ไปอยู่ในชุมชนหรือประเทศมุสลิมในเวลากลางวัน ทุกคนจะรู้สึกว่าบรรยากาศเงียบสงบผิดไปจากปรกติธรรมดา ร้านอาหารที่เคยเปิดบริการในเวลากลางวันจะปิดหมด เราจะไม่พบผู้คนกินหรือดื่มอยู่ตามท้องถนน มหรสพและความรื่นเริงต่างๆตามท้องถนนจะไม่มีให้เราเห็น บ้านบางหลังจะมีเสียงอ่านคัมภีร์กุรอานจากคนในบ้านหรือไม่ก็จากวิทยุ ทั้งนี้ เนื่องจากว่าเดือนกันยายนปีนี้ตลอดทั้งเดือนตรงกับเดือนรอมฎอนซึ่งเป็นเดือนที่มุสลิมทั่วโลกถือศีลอดกัน

การถือศีลอดถือเป็นวินัยบัญญัติสำคัญหนึ่งใน 5 ประการที่ถูกกำหนดให้ผู้ใหญ่มุสลิมทุกคนทั้งชายและหญิงต้องปฏิบัติ การละเว้นถือเป็นบาปใหญ่

เหตุผลเบื้องหลังการถือศีลอด

มนุษย์ไม่ได้เริ่มมีชีวิตเมื่อตอนเกิดและชีวิตของมนุษย์ก็มิได้จบลงตรงความตาย หลังจากลมหายใจสุดท้ายบนโลกนี้แล้ว วิญญาณซึ่งเป็นชีวิตของมนุษย์จะต้องเดินทางอีกยาวไกลเพื่อกลับไปหาผู้ที่ส่งมันมา นั่นคือพระเจ้า ชะตากรรมของวิญญาณมนุษย์จะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการดำเนินชีวิตของมนุษย์บนโลกชั่วคราวใบนี้ ดังนั้น เพื่อให้มนุษย์ได้มีคู่มือการใช้ชีวิตที่ไม่ผิดพลาด พระผู้เป็นเจ้าจึงได้ประทานแนวทางในการดำเนินชีวิตมายังมนุษย์ในรูปของคัมภีร์ทางศาสนาและศาสดาที่มาสั่งสอนมนุษย์

เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่คัมภีร์กุรอานถูกประทานมาเพื่อเป็นทางนำแก่มนุษยชาติทั้งมวล แต่คนที่จะได้รับประโยชน์จากคัมภีร์กุรอานอย่างแท้จริงก็คือผู้ยำเกรงพระเจ้าหรือผู้ปฏิบัติตามสิ่งที่พระเจ้าทรงใช้และงดเว้นจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม หากจะเปรียบไป คัมภีร์กุรอานก็เหมือนกับกฎหมาย หากใครปฏิบัติตาม สังคมก็เป็นระเบียบ หากใครฝ่าฝืนไม่เชื่อฟัง สังคมก็วุ่นวาย ผู้ฝ่าฝืนก็ต้องถูกลงโทษ

ดังนั้น หากมีกฎหมายแล้วไม่มีการฝึกคนให้พร้อมที่จะปฏิบัติตามกฎหมาย มันก็เป็นเรื่องยากที่คนจะปฏิบัติตามกฎหมายด้วยความเต็มใจ ด้วยเหตุผลนี้เองที่อิสลามจึงได้กำหนดให้มุสลิมผู้ศรัทธาถือศีลอดเพื่อเกิดความรู้สึกยำเกรงพระเจ้าและเต็มใจที่จะปฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์

ศีลอดมิใช่แค่อดอาหาร

การถือศีลอดมิได้หมายถึงแค่เพียงการละเว้นจากการกิน การดื่มเท่านั้น แต่ยังจะต้องละเว้นการเสพ การมีความสัมพันธ์ทางเพศ การซุบซิบนินทา การว่าร้ายและความชั่วต่างๆ ทั้งกายวาจาและใจตั้งแต่ดวงอาทิตย์ขึ้นจนถึงดวงอาทิตย์ตกอีกด้วย หากอดอาหารแล้วยังทำชั่วและล่วงละเมิดสิทธิของคนอื่น การถือศีลอดวันนั้นก็เท่ากับการหิวเปล่า ไม่เกิดประโยชน์และผลดีอันใดต่อผู้ถือศีลอดเลย

ผลที่ได้จากการถือศีลอด

การถือศีลอดให้บทเรียนต่างๆมากมายแก่ผู้ถือศีลอด เช่น
1.ระหว่างการถือศีลอดในตอนกลางวัน แม้อาหารและน้ำซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตยังงดเว้นได้ แล้วทำไมสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือที่เป็นโทษต่อชีวิต เช่น อบายมุขต่างๆ มนุษย์จะงดไม่ได้ ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือการถือศีลอดเป็นการฝึกให้เกิดความซื่อสัตย์ต่อตัวเอง เพราะผู้ถือศีลอดจะแอบกินแอบดื่มในที่ลับตาคนก็ได้

แต่ผู้ถือศีลอดก็ไม่ทำเพราะการถือศีลอดนั้นทำตามคำบัญชาของพระเจ้า แม้จะมองไม่เห็นพระองค์ แต่ผู้ถือศีลอดก็ตระหนักว่าพระเจ้าทรงเห็นการกระทำของตน ความรู้สึกเช่นนี้เองที่เป็นพื้นฐานของการยับยั้งจากการทำชั่วทั้งในที่ลับและที่แจ้ง

2.การถือศีลอดทำให้เกิดความรู้สึกถึงคุณค่าและรู้จักขอบคุณสำหรับความสุขที่เราได้รับ เพราะการถือศีลอดหมายถึงการงดเว้นจากการกิน การดื่มและการมีความสัมพันธ์ทางเพศซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์ได้รับความสุขจากมัน การละเว้นจากสิ่งเหล่านี้ชั่วระยะเวลาสั้นๆจะทำให้เรารู้ซึ้งถึงคุณค่าของมัน ยามที่เราหิวโหยหรือกระหาย หากใครให้อาหารและน้ำแก่เรา เราจะขอบคุณและรู้สึกอยากจะตอบแทนคนผู้นั้น เช่นเดียวกัน เรามักจะไม่นึกถึงความโปรดปรานของพระเจ้าที่ประทานปัจจัยยังชีพแก่เรา แต่เมื่อเราขาดแคลนมัน เราก็จะนึกถึงมัน ดังนั้น การถือศีลอดจะช่วยทำให้เราได้ขอบคุณพระเจ้าสำหรับปัจจัยที่พระองค์ประทานแก่เรา

3.การถือศีลอดช่วยให้เราควบคุมความต้องการของตัวเราเองได้ เพราะเมื่อเราอิ่ม ความต้องการของเราก็เริ่มเติบโตแข็งแรง แต่ถ้าหากเราหิว ความต้องการของเราก็อ่อนแอ ดังนั้น ท่านนบีมุฮัมมัดถึงได้กล่าวว่า
“โอ้ชายหนุ่มทั้งหลาย ใครก็ตามที่สามารถแต่งงานได้ก็จงแต่งงาน เพราะมันจะช่วยลดสายตาของเจ้าลงต่ำและปกป้องความบริสุทธิ์ของตนไว้ แต่ถ้าใครไม่สามารถทำได้ก็จงถือศีลอด เพราะมันจะเป็นโล่ป้องกันเขา”

4.การถือศีลอดทำให้เรารู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจคนยากจน เพราะเมื่อผู้ถือศีลอดลิ้มรสความหิวกระหายชั่วขณะหนึ่งแล้ว เขาก็จะนึกถึงบรรดาผู้ที่หิวโหยตลอดซึ่งจะช่วยให้เขาแสดงความสงสารต่อคนเหล่านี้ ดังนั้น การถือศีลอดจึงเป็นวิธีการหนึ่งที่จะสร้างความเห็นอกเห็นใจคนยากจน

5.การถือศีลอดเป็นการสยบและสร้างความอ่อนแอให้ซาตานมารร้ายที่คอยกระซิบกระซาบให้มนุษย์ทำความชั่ว ท่านนบีมุฮัมมัดได้บอกว่า “ซาตานมารร้ายวิ่งไหลไปทั่วตัวลูกๆของอาดัมเหมือนกับเลือด” แต่การถือศีลอดจะทำให้ช่องทางที่ซาตานมารร้ายไหลไปแคบลง ดังนั้น อิทธิพลของมันก็จะน้อยลงไปด้วย ทั้งนี้ เพราะเลือดถูกสร้างมาจากอาหารและเครื่องดื่ม เมื่อเรากินและดื่ม ช่องทางที่ซาตานมารร้ายวิ่งซึ่งก็คือเลือดจะกว้างขึ้น แต่ถ้าเราถือศีลอด ช่องทางจะที่ซาตานมารร้ายวิ่งจะแคบลง ดังนั้น หัวใจก็จะถูกกระตุ้นให้ทำดีและละเว้นความชั่ว

6.การถือศีลอดหมายถึงการพัฒนาความคิดไม่ยึดติดกับโลกนี้และคิดที่จะแสวงหาสิ่งที่อยู่กับพระผู้เป็นเจ้าเสมอ

7.การถือศีลอดทำให้ผู้ถือศีลอดคุ้นเคยกับการปฏิบัติศาสนกิจมากยิ่งขึ้นเพราะคนที่ถือศีลอดมักจะปฏิบัติศาสนกิจมากขึ้นกว่าธรรมดาและเคยชินกับการปฏิบัติเช่นนั้นเสมอ

ทางนำจากคัมภีร์กุรอาน
“เดือนรอมฎอนเป็นเดือนที่คัมภีร์กุรอานได้ถูกประทานลงมาเป็นทางนำสำหรับมนุษยชาติและมีคำสอนที่แสดงให้เห็นถึงแนวทางที่ถูกต้องและมีสิ่งแยกแยะความจริงออกจากความเท็จ ดังนั้น ผู้ใดในหมู่สูเจ้าที่รู้ว่าเข้าเดือนนี้แล้วก็จงถือศีลอด แต่ถ้าหากผู้ใดป่วยหรืออยู่ในระหว่างการเดินทาง ก็ให้เขาถือในวันอื่นแทนวันที่ขาด อัลลอฮฺทรงปรารถนาที่จะให้สูเจ้าสะดวกและไม่ทรงต้องการให้สูเจ้าลำบาก ทั้งนี้ เพื่อสูเจ้าจะได้ถือศีลอดครบวันและสดุดีความเกรียงไกรของอัลลอฮฺที่ได้ทรงนำทางสูเจ้าและเพื่อสูเจ้าจะได้ขอบคุณต่อพระองค์” (กุรอาน 2:185)

พจนารถศาสดามุฮัมมัด
“มีคนเจ็ดจำพวกด้วยกันที่จะได้อยู่ในร่มเงาของอัลลอฮฺในวันที่ไม่มีร่มเงาใดๆนอกไปจากร่มเงาของพระองค์ นั่นคือ 
(1) ผู้ปกครองที่ยุติธรรม 
(2) ชายหนุ่มที่เติบโตขึ้นมาในการภักดีต่ออัลลอฮฺ 
(3) ผู้ชายที่หัวใจของเขาผูกพันอยู่กับมัสยิด 
(4) ชายสองคนที่รักซึ่งกันและกันเพื่ออัลลอฮ พบกันและจากกันเพื่ออัลลอฮฺ 
(5) ผู้ชายที่ถูกผู้หญิงสวยและมีฐานะเรียกร้องเชิญชวน (เพื่อการผิดประเวณี) แต่เขากล่าวว่า ‘ฉันเกรงกลัวอัลลอฮฺ’ 
(6) คนที่ให้ทานและปิดบังไว้เหมือนดังที่มือซ้ายของเขาไม่รู้ว่ามือขวาของเขาได้ให้ทาน และ 
(7) ผู้ที่รำลึกถึงอัลลอฮฺตามลำพังแล้วตาของเขาเอ่อไปด้วยน้ำตา”


วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ข้าวยำปักษ์ใต้ หรือนาซิกาบู


เมนูอาหารจานเดียวประจำภาคใต้ หากใครได้มีโอกาสลองทานจะติดใจในรสชาติของน้ำบูดูหวานๆ เค็มๆ ที่นำมาราดกับข้าวสวยและผักต่างๆมากมาย 
เช่น ถั่วฝักยาว หอมแดงซอย ใบมะกรูดซอย ถั่วงอก มะม่วงซอย ฯลฯ และที่ขาดไม่ได้คือ มะพร้าวและกุ้งแห้งป่นคั่ว เวลาทานจะต้องราดน้ำบูดูลงไป
และคลุกส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน 
ถือเป็นอาหารจานเดียวที่ทานแล้วได้รับคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด 


เครื่องปรุงการทำน้ำข้าวยำ
น้ำบุดู         1/2  ถ้วย
ตะไค้ทุบ     1-2 ต้น 
ข่าทุบ         1 แง่ง
น้ำตาลปีบ    3 ช้อนโต๊ะ
ใบมะกรูด     10 ใบ
น้ำสะอาด    1/2  ถ้วย
หอมแดง      7 หัว
ปลาโอเค็มยี 1/2 ถ้วย

เครื่องทำข้าวยำข้าวสวย 
มะพร้าวขูดคั่ว กุ้งแห้งป่น หรือจะเป็นเนื้อปลาป่นก็ได้คะ พริกป่น
ผักต่างๆ ตามชอบ เช่น มะม่วง สะตอ ตะไคร้  หอมแดง ถั่วงอกเด็ดหาง ถั่วฝักยาว มะนาวฝาน 
ใบมะกรูด ใบชะพู ดอกดาหลา เอามาซอยใส่ผักตามชอบได้เลยคะ


วิธีทำการทำน้ำข้าวยำ
1. นำน้ำบูดู น้ำสะอาด  ตะไคร้ ข่า หอมแดง  ใส่หม้อตั้งไฟ เคี่ยวจนเดือด จากนั้นราไฟให้ไฟอ่อนๆแล้วเคี่ยวสักพัก  จนได้ที จากนั้นเอาไปกรองเอากากออก

2.นำน้ำบูดูที่กรองแล้วตั้งไฟอีกครั้งใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย และใบมะกรูดลงเคี่ยวไฟอ่อน จนงวด ชิมรสเค็ม ๆ หวาน ๆ แต่อย่าให้หวานมาก

3.วิธีรับประทาน ตักข้าวสวยนิดหน่อยใส่จาน โรยด้วยสะตอ ตะไคร้ หอมแดง มะม่วง  ถั่วฝักยาว แตงกวา    มะพร้าวคั่ว ปลาป่น ถั่วงอก พริกป่น และใบมะกรูด แล้วราดด้วยน้ำ ยำบูดู บีบมะนาวนิดหน่อย คลุก          เคล้าให้เข้ากัน




เดี๋ยวนี้เค้ามีแบบสำเร็จขายแล้วนะคะ
วันนี้พิเศษสะตอเหลือผัดเผ็ดไก่ใส่สะตอซะเลย อิอิ

เปิดบวชด้วยอินทผาลัมหวานไม่มีน้ำตาลมีประโยชน์มากนะคะ


ขอบคุณสูตรการทำน้ำบูดูจาก FoodTravel.tv